ขัดเคลือบสี vs เคลือบแก้ว

การดูแลสีรถยนต์ไม่ให้หมองก่อนเวลาอันควรทำได้หลายวิธี เริ่มตั้งแต่การป้องกันอย่างการพยายามจอดรถในที่ร่ม ไม่ปล่อยให้รถสกปรกนานเกินไป ล้างรถด้วยวิธีที่เหมาะสมและเช็ดทำความสะอาดรถยนต์หลังล้างเสร็จแล้ว การนำรถยนต์ไปขัดเคลือบสีอย่างสม่ำเสมอเป็นอีกวิธีที่ช่วยคงความเงางามให้รถคันโปรดดูใหม่อยู่เสมอ

การขัดเคลือบสีรถยนต์หลักๆ แล้วแบ่งได้ 2 ประเภท คือ ขัดเคลือบสี และการเคลือบแก้ว ซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

ขัดเคลือบสี

ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ การขัดสี กับ เคลือบสี

ประโยชน์ของการขัดสีคือ เพื่อลบรอยขนแมวหรือรอยขีดข่วนจากการล้างและเช็ดด้วยผ้าที่ไม่สะอาดหรืออมฝุ่นออกก่อน ทำโดยการขัดผิวหน้าของสีหรือแล็กเกอร์ออกไป เพื่อให้สีเรียบเนียนและเงางาม

หลังจากขัดสีเสร็จเรียบร้อยก็มาถึงขั้นตอนเคลือบสี เพื่อให้ผิวที่ถูกขัดออกไปแล้วมีความเงางามยิ่งขึ้น และเป็นตัวเคลือบเพื่อปกป้องชั้นสีที่ถูกขัดออกไปให้มีความแข็งแรงทนทานต่อรอยขีดข่วนมากขึ้น

ข้อควรระวัง: รถเก่าที่ใช้งานมาหลายปีไม่ควรขัดสีบ่อย ส่วนรถใหม่ ควรหมั่นเคลือบสีซ้ำตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตน้ำยาเคลือบกำหนด เพื่อให้ผิวที่ขัดแล้วมีอายุการใช้งานยาวนาน

การเคลือบแก้ว

เทคโนโลยีในการใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติเด่นหลายด้านมาผนวกเข้าด้วยกัน เช่น การยึดเกาะกับสีผิวเดิมอย่างแน่นหนา มีคุณสมบัติแข็งแรงแบบผิวกระจก ทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้ยากขึ้น ช่วยให้สีรถยนต์มีความเงางามและดูฉ่ำมากขึ้น และความลื่นของผิวสัมผัสยังทำให้ฝุ่นหรือคราบต่างๆ เกาะติดยาก จึงล้างทำความสะอาดง่ายกว่า

การขัดเคลือบแก้วให้เห็นผลดีในระยาวที่สุด ควรเริ่มทำทันทีเมื่อนำรถออกจากโชว์รูม

แม้ราคาแพ็กเกจขัดเคลือบแก้วจะสูงกว่าการขัดเคลือบสี แต่ข้อดีคือ มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า ไม่ต้องไปเติมทรีตเมนต์ทุกเดือนเหมือนการขัดเคลือบสี