วิธีเช็คลมยางที่ถูกต้อง

1. เช็คลมยางรถยนต์ ขณะที่ยางยังเย็น

การ วัดลมยางรถยนต์ และเติมลมยางที่ถูกต้อง ควรจะวัดและเติมลมในขณะยางรถยนต์ยังมีอุณหภูมิปกติอยู่ หรือเพิ่งวิ่งมาไม่เกิน 2 กิโลเมตร นั่นหมายความว่า หากคุณวิ่งรถมาไกลแล้วต้องการจะแวะปั๊มเพื่อเช็กและเติมลมยางเลยย่อมไม่สามารถทำได้ เพราะการเสียดสีที่เกิดขึ้นในช่วงที่รถวิ่งมาไกลจะทำให้ล้อร้อนขึ้น ซึ่งทำให้อากาศภายในยางขยายตัว ทำให้แรงดันล้อเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ หากเป็นเช่นนี้จำเป็นจะต้องพักรถจนเครื่องยนต์และล้อเย็นลง ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานถึง 2-3 ชั่วโมง (อาจน้อยกว่านี้หากขับมาบนนถนนที่ไม่ร้อน หรือขับมาในช่วงดึก-เช้า) จึงจะทำการวัดและเติมลมยางได้

2. อ่านค่า เช็คลมยางรถยนต์

เตรียมตัวกันแล้วก็มาถึงการ เช็คลมยาง แค่คลายฝาเกลียวบนก้านวาล์วของยางรถยนต์ จากนั้น หมุนจุกยางล้อออกและวางไว้บริเวณที่ปลอดภัยป้องกันการสูญหาย พร้อมกับเสียบเกจ์วัดลมยางเข้าไป โดยขณะที่เสียบเกจ์วัดลมยางเข้ากับก้านวาล์วที่เปิดอยู่ ถ้าได้ยินเสียงลมรั่วหรือมีอากาศเล็ดลอดออกมาแปลว่า เสียบไม่เข้าที่ ให้เสียบเข้าไปใหม่ จากนั้นให้เชื่อมต่อมาตรวัดค้างไว้สักครู่ก็จะสามารถอ่านค่าแรงดันยางจากหน้าปัดแสดงผลได้ โดยค่าความดันยางก็คือ ตัวเลขสุดท้ายที่ปรากฎนั่นเอง

3. เติมลมยางให้ได้ค่ามาตรฐาน

หลังจากทราบค่าแรงดันลมยางปัจจุบันแล้ว หากแรงดันลมยางน้อยเกินไป ให้ใช้เครื่องอัดอากาศที่มาพร้อมกับมาตรวัดแรงดันลมยางทำการเติมลมเพื่อเพิ่มความดันที่เหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 28-32 ปอนด์/ตร.นิ้ว (PSI) โดยอาจมากหรือน้อยกว่านี้ตามชนิดของรถและประเภทการใช้งาน ซึ่งเจ้าของรถสามารถอ้างอิงตัวเลขที่เหมาะสมกับรถได้จากตารางแรงดันลมที่แจ้งไว้ในคู่มือการใช้รถ แต่ห้ามเติมลมยางเกินค่า PSI ที่ระบุไว้ที่แก้มยาง เพราะนั่นเป็นแรงดันลมสูงสุดของยางที่สามารถรับได้

4. เติมแรงดันเพิ่มเล็กน้อยถ้ายางยังร้อน

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ควรวัดค่าความดันลมยางขณะที่ยางยังมีอุณหภูมิปกติ แต่หากจำเป็นต้องเติมลมยางกะทันหันขณะรถเพิ่งวิ่งทางไกลมากจริงๆ ก็ควรเติมเกินจากค่าความดันที่เหมาะสมไปอีก 2 ปอนด์ เพื่อชดเชยกับความดันในล้อที่จะลดลงเมื่อรถได้พัก และล้อเย็นตัวลงสู่สภาพปกติ นอกจากนั้น สำหรับรถยนต์ที่บรรทุกของที่มีน้ำหนักมาก หรือมีผู้โดยสารร่วมทริปมาก ก็ควรเติมลมยางเพิ่มอีก 2-3 PSI เช่นกัน

5. เช็คลมยางรถยนต์ ซ้ำอีกครั้ง

เคล็ดลับการวัดลมยางนั้น แนะนำว่าควรวัดซ้ำ 2 ครั้ง เพื่อให้ได้ค่าที่แน่นอนและถูกต้อง นอกจากนั้น เพื่อให้เราสามารถเติมลมเพื่อเพิ่มความดันในระดับที่เหมาะสมได้การเติมลมให้ได้แรงดันที่พอดี ก็คือเติมให้รู้สึกว่าเกินจุดพอดีไปสักนิด จากนั้นวัดแรงดันใหม่ แล้วค่อยปล่อยลมออกจนได้ค่าที่เหมาะสม วิธีนี้จะง่ายกว่าค่อยๆ เติมลมขยักขย่อนทีละน้อย ที่สำคัญ การ ตรวจสอบลมยางที่ถูกต้อง ไม่ได้จำกัดว่า จะต้องตรวจที่ ล้อไหน แต่ควรตรวจสอบจนครบทั้ง 4 เส้น เพื่อความมั่นใจว่า รถยนต์พร้อมใช้งานต่อนั่นเอง

5. ควรมีที่วัดลมยางรถยนต์ส่วนตัว

จะเห็นได้ว่า อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการเช็คลมยางหลักๆ จะมีทั้ง เกจ์วัดลมยาง ที่ได้มาตรฐาน และเครื่องปั๊มลมลากจูง ซึ่งสามารถหาได้ทั่วไปตามปั๊มน้ำมันใหญ่ๆ แต่สิ่งที่ควรพึงระลึกไว้ก็คือ เกจ์วัดลมตามปั๊มนั้นถูกใช้งานมามาก อาจเกิดความคาดเคลื่อนในค่าที่วัดได้ ดังนั้น ใครรักรถและเดินทางบ่อย จะซื้อเครื่องเช็คลมยางติดรถเอาไว้ใช้เองสักอันก็เป็นความคิดที่ไม่เลวทีเดียว

6. เช็คลมยางรถยนต์ ทุก 1-2 เดือน

เพราะโดยปกติแล้ว ลมยางจะลดลงด้วยตัวเองประมาณ 2-3 ปอนด์ต่อตารางนิ้วต่อเดือน ดังนั้น ถ้าตอนที่เติมลมยางล่าสุด ความดันอยู่ที่ 32 ปอนด์ เมื่อผ่านไป 1 เดือนก็อาจจะลดลงมาเหลือประมาณ 29-30 ปอนด์นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ ผู้ขับขี่จึงควรหมั่น วัดลมยาง และ เติมลมยาง ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง และจำเป็นต้อง ดูลมยางรถ ทุกครั้งก่อนเดินทางไกลเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง