รถยนต์น้ำมัน vs รถยนต์ไฟฟ้า ปี 2566 เลือกซื้อแบบไหนดี?

ปี 2566 นี้เทรนด์ของโลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากที่รถยนต์ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลอาจจะถูกแทนที่ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า และหากจะคุยเรื่องว่าจะซื้อรถยนต์ที่ใช้น้ำมันกับรถยนต์ไฟฟ้าดี รับรองว่าคุยกันยาวเพราะหลายคนก็บอกไหนๆจะซื้อรถยนต์คันใหม่ก็ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเลย แต่บางคนก็บอกว่าค่าซ่อมแพงอะไหล่ เป็นต้น และในวันนี้ทีมงานได้สรุปข้อมูลและรวบรวมข้อดีข้อเสียของทั้งสองอย่างมาเปรียบเทียบเพื่อประกอบการตัดสินใจกัน…

ก่อนอื่นมารู้จัก “รถยนต์ไฟฟ้า” หรือรถ EV ดีกว่า สำหรับรถยนต์ EV ย่อมาจาก Electric Vehicle หรือก็คือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่งมีส่วนประกอบ 3 ส่วน คือ แบตเตอรี่, อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนขั้นตอนการทำงานจะเริ่มต้นจากแบตเตอรี่ที่เป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง แล้วแปลงกระแสไฟฟ้าดึงพลังงานจากแบตเตอรี่เปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ ส่งต่อไปยังตัวมอเตอร์เพื่อขับเคลื่อนเครื่องยนต์นั่นเอง

สรุปเปรียบเทียบรถยนต์น้ำมัน vs รถยนต์ไฟฟ้า

ข้อดีรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

  1. ช่วยลดมลพิษบนท้องถนน เพราะจะใช้พลังงานไฟฟ้า
  2. ใช้ไฟฟ้าจากที่บ้านได้ (ติดตั้งเครื่องชาร์จตามมาตรฐานความปลอดภัย)
  3. ราคาค่าไฟฟ้าถูกกว่าน้ำมันหลายเท่า
  4. เครื่องยนต์ทำงานเงียบเพราะทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
  5. อัตราเริ่มดีกว่ารถยนต์น้ำมัน (เทียบรุ่นที่ใกล้เคียงกัน)
  6. ค่าเช็คระยะรอบ 6 เดือนหรือ 1 ปีจะถูกกว่ารถยนต์น้ำมันมาก

ข้อเสียรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

  1. จำนวนสถานีจุดให้บริการชาร์จไฟยังมีน้อย ยิ่งหากเดินทางระยะไกลต้องหาข้อมูลสถานีชาร์จและวางแผนล่วงหน้า (กรณีไม่ได้ชาร์จจากบ้าน)
  2. ระยะเวลาในการชาร์จไฟใช้เวลาค่อนข้างนาน (ขึ้นอยู่กับรุ่นและความจุแบตเตอรี่ของรถยนต์รุ่นนั้นๆ)
  3. ราคารถยนต์ไฟฟ้ายังถึงกว่าแพงกว่ารถยนต์น้ำมันอยู่พอสมควร
  4. อุปกรณ์และอะไหล่ต้องใช้เวลานานในการซ่อมแซม (กรณีเกิดอุบัติเหตุหรือเสีย)
  5. ระยะทางในการวิ่งแต่ละครั้ง เมื่อชาร์จเต็มยังถือว่าวิ่งได้น้อยไปหน่อย แต่ถ้ารอสัก 3-5 ปี คิดว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาให้วิ่งได้ไกลมากขึ้น

ข้อดีรถยนต์น้ำมัน

  1. ราคาซื้อไม่แพงยิ่งในช่วงปี 2566 นี้ มีโปรโมชั่นออกมาเยอะมาก
  2. ไม่ต้องกังวลเรื่องการเติมน้ำมัน เพราะมีให้เติมมากมาย
  3. อุปกรณ์และอะไหล่มีเยอะใช้เวลาการซ่อมแซมน้อยกว่ารถยนต์ไฟฟ้าแน่นอน

ข้อเสียรถยนต์น้ำมัน

  1. ราคาขายต่อมือสองอาจจะได้ราคาต่ำเพราะหากผ่านไป 3-5 ปี ณ เวลานั้นรถยนต์ไฟฟ้าน่าจะออกมาจำนวนมากและราคาถูกลง
  2. ทำลายมลพิษบนท้องถนน อย่างควันจากท่อไอเสียที่ทำให้เกิด PM 2.5
  3. อัตราเร่งจะไม่แรงเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้า (เทียบรุ่นใกล้เคียงกัน)
  4. ค่าเติมน้ำมันแพงกว่ารถยนต์ไฟฟ้าหลายเท่า
  5. ค่าเช็คระยะต่อรอบ 6 เดือน จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารถยนต์ไฟฟ้ามาก

สรุปรถยนต์ทั้งรถยนต์ที่ใช้น้ำมันกับรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งสองแบบจะมี “ข้อดี” และ “ข้อเสีย” ต่างกันไป ลองพิจารณาการใช้งานและความเหมาะสมรวมถึงทุนทรัพย์ว่ามีมากน้อยแค่ไหน และหากเพื่อนต้องการปรึกษาเรื่องการซื้อ-ขายรถยนต์มือสองสามารถพูดคุยในไลน์ด้านล่างได้นะครับ